สินค้าขายดีอันดับ 1
ปลอดภัย 100%
ผลิตจากสมุนไพร ไม่มีสารเคมีเจือปน ไม่มีสารสเตียรอยด์
โรงงานผลิตมาตรฐาน
โรงงานผลิตได้รับมาตรฐานจาก อย. ผลิตด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย
อย. เลขที่ G760/54
ขึ้นทะเบียน อย. ประเภทยาสมุนไพร
ใช้ดีแล้วบอกต่อ
เป็นขี้ผึ้งสมุนไพรที่ใช้แล้วบอกต่อมากที่สุด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคงูสวัด
ผื่นงูสวัดจะแตกและแห้งไปเองโดยไม่ต้องรักษาภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่กว่าจะหายสนิทมักใช้เวลา 2-8 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของร่างกายผู้ป่วย และหากมีการทานยา และใช้ยาทาบริเวณงูสวัด ก็จะทำให้หายได้ไวยิ่งขึ้น
โรคงูสวัดสามารถติดต่อกันได้ผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย ระยะที่ติดต่อจึงเป็นระยะที่ตุ่มน้ำใสแตกและตกสะเก็ด ผู้ที่ยังไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อน หากไปสัมผัสกับผู้ป่วยในระยะดังกล่าวก็จะเป็นโรคอีสุกอีใสได้
ส่วนคนที่มีภูมิคุ้มกันปกติและเคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาแล้ว การสัมผัสหรือใกล้ชิดผู้ป่วย มีโอกาสที่จะติดเชื้อไวรัสได้น้อยมาก แต่ในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำและเป็นงูสวัดแบบแพร่กระจายจะสามารถแพร่เชื้อทางลมหายใจได้ ควรแยกตัวผู้ป่วยไปรักษาในโรงพยาบาล
เป็นงูสวัดอาบน้ำได้ เพราะการอาบน้ำเป็นการทำความสะอาดแผลที่ดีที่สุด สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อ โดยควรอาบน้ำเย็นเพื่อปลอบประโลมผิว เนื่องจากน้ำร้อนจะทำให้เลือดไหลเวียนดีแผลจะยิ่งพุพองมากขึ้น แต่ความเย็นจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและลดอาการคันได้ดี
หลังอาบน้ำควรเช็ดตัวให้แห้งแล้วเก็บผ้าขนหนูอย่างเป็นสัดส่วน เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่น หากจะทาโลชั่นควรทาเท่าที่จำเป็น และหลีกเลี่ยงโลชั่นที่ผสมน้ำหอม เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
เมื่อเป็นงูสวัด ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ ของหมักดอง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาหารเหล่านี้จะทำให้เกิดการติดเชื้อเพิ่มเติมได้
คำตอบคือได้ เพราะเมื่อใดที่ร่างกายอยู่ในสภาวะอ่อนแอหรือภูมิต้านทานต่ำ ก็มีโอกาสที่จะเป็นงูสวัดซ้ำได้อีก เพราะเชื้อไวรัสไม่ได้หายไปไหน แต่ซ่อนตัวอยู่ในปมประสาททั่วร่างกายของเราไปตลอดชีวิต
การทานอาหารในช่วงที่เป็นโรคงูสวัด ถ้าเป็นอาหารที่มีประโยชน์ สะอาด ปรุงสุกใหม่ ถูกสุขลักษณะ และครบถ้วนตามหลักโภชนาการ อาทิ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และผักผลไม้ เป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้ร่างกายมีสารอาหารครบถ้วนและทำให้แผลหายเร็วขึ้น
งูสวัดเป็นได้ตามแนวเส้นประสาทผิวหนัง โดยจะพบบ่อยบริเวณเอว ก้นกบ ใบหน้า และต้นขา แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ขึ้นมาถึงจมูกตา นั่นคือสัญญาณเตือนอันตรายที่ต้องรีบพบแพทย์ก่อนจะสายไป
โดยปกติแล้วงูสวัดจะเกิดขึ้นเพียงด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย ยกเว้นกลุ่มคนไข้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ที่อาจเกิดได้มากกว่าหนึ่งจุดของแนวเส้นประสาท มีอาการรุนแรง และเป็นอยู่นานกว่าคนไข้งูสวัดทั่วไป ไปจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
"สั่งซื้อทางโทรศัพท์ รับของแถมเพิ่มพิเศษ"
โรคงูสวัด (Shingles, Herpes Zoster)
โรคงูสวัดคืออะไร?
โรคงูสวัดเกิดจากการรับเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ (Herpese) หรือชื่อเดิมคือ วาริเซลลา ซอสเตอร์ (Varicella Zoster Virus: VZV) ซึ่งเป็นเชื้อตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส หากได้รับครั้งแรกจะทำให้เป็นโรคอีสุกอีใส เมื่อหายแล้วเชื้อจะไปซ้อนที่ปมประสาท เมื่อร่างกายอ่อนแอเชื้อก็จะกำเริบอีกครั้ง
ลักษณะผื่นงูสวัด
ผื่นหรือตุ่มงูสวัดจะขึ้นบริเวณแนวบั้นเอว ชายโครง ใบหน้า แขน ขา หรือตามแนวเส้นประสาท ซึ่งจะขึ้นเพียงซีกหนึ่งซีกใดของร่างกายเท่านั้น
สาเหตุของโรคงูสวัด
งูสวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ (Herpese) ซึ่งเป็นเชื้อตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส โรคนี้สามารถติดต่อกันได้ผ่านการสัมผัสตุ่มน้ำใสที่แตกและสารคัดหลั่งของผู้ป่วย โดยผู้ที่ยังไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อน หากไปสัมผัสเชื้อก็จะเป็นโรคอีสุกอีใสได้ ส่วนคนที่มีภูมิคุ้มกันปกติและเคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาแล้ว การสัมผัสหรือใกล้ชิดผู้ป่วยมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้น้อยกว่า ซึ่งในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำและเป็นงูสวัดแบบแพร่กระจาย จะสามารถแพร่เชื้อทางลมหายใจได้ด้วย
เมื่อเชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์เข้าสู่ร่างกายไม่ว่าจะการหายใจหรือการสัมผัสตุ่มน้ำของผู้ป่วย จะทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส หลังจากนั้นเชื้อจะไปซ่อนอยู่ที่ปมประสาท เมื่อไหร่ที่ร่างกายอ่อนแอลงเชื้อก็จะเพิ่มจำนวนทำให้เส้นประสาทอักเสบ เกิดเป็นงูสวัดตามผิวหนังนั่นเอง
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคงูสวัด
ผู้ที่มีเชื้องูสวัดในสร่างกายเมื่อร่างกายอ่อนแอทำให้เชื้อกำเริบได้ เช่น พักผ่อนไม่เพียงพอ ผู้สูงอายุที่ร่างกายเสื่อมลง ผู้ที่มีความเครียดสะสม ผู้ที่ได้รับยากดภูมิต้านทาน ปัจจัยเหล่านี้ก็จะเป็นตัวกระตุ้นให้เชื้องูสวัดแบ่งตัวได้มากขึ้น
อาการของโรคงูสวัด
อาการงูสวัดไม่ได้อันตรายร้ายแรง จะมีเพียงแค่ผื่นขึ้นตามร่างกายซีกใดซีกหนึ่ง โดยเริ่มจากเกิดเป็นตุ่มแดง แล้วกลายเป็นตุ่มนูน ตุ่มใส ก่อนที่จะแตกออก ตกสะเก็ดและหายเองในที่สุด
แต่สำหรับผู้ที่ร่างกายขาดภูมิต้านทาน จะมีผื่นขึ้นได้รอบตัว และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาหรืออาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียที่บริเวณตุ่มน้ำใส สาเหตุจากการแกะเกาตุ่ม หรือเอาสิ่งแปลกปลอมมาทาบริเวณดังกล่าว ปวดประสาทหลังเป็นงูสวัด (Post Herpetic Neuralgia) รวมถึงการที่เชื้องูสวัดกระจายทั่วร่างกายในผู้ป่วย โรคเอดส์ จนทำให้เสียชีวิต
อาการงูสวัดเริ่มแรก
เชื้องูสวัดสามารถซ่อนอยู่ที่ปมประสาทได้นานหลายปี แต่หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น นั่นแปลว่าอาจถึงเวลาที่จะแสดงอาการ
ระยะก่อนเกิดผื่น (Prodromal Stage)
โดยอาการเริ่มแรกมีไข้ ปวดศีรษะ รู้สึกเจ็บแปลบที่บริเวณผิวหนัง มีรอยแดงเกิดขึ้นที่ผิวหนัง นอกจากนี้อาจมีอาการอ่อนเพลียและท้องเสียร่วมด้วย โดยอาการเจ็บและผื่นแดงจะเริ่มขึ้นที่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งของร่างกายก่อน หลังจากเกิดอาการผิดปกติที่ผิวหนังไม่กี่วันต่อมา จะเข้าสู่ระยะผื่นงูสวัด
ระยะมีผื่นงูสวัด (Active Stage)
ผู้ป่วยจะเริ่มมีผื่นแดงและตุ่มน้ำใสขึ้นเรียงกันเป็นกลุ่มตามแนวยาวของเส้นประสาทบริเวณที่ปวดก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นตุ่มน้ำใสจะแตกและตกสะเก็ดในไม่กี่สัปดาห์ต่อมา อาการทำให้เกิดแผลเป็นได้ หลังจากแผลหายสนิทแล้ว อาการปวดปลายประสาทจะทุเลาลง ซึ่งเป็นอาการของภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ในผู้ป่วยโรคงูสวัด
ทั้งนี้ลักษณะของผื่นงูสวัดจะแตกต่างจากโรคอีสุกอีใส เพราะจะเป็นผื่นที่ขึ้นเฉพาะตามปมประสาทที่มีไวรัสซ่อนอยู่ ไม่ใช่ตุ่มแดงอักเสบเห่อขึ้นมาทั้งตัว
การรักษาโรคงูสวัด
เมื่อมีอาการคล้ายเป็นโรคงูสวัดให้ไปพบแพทย์ โดยแพทย์จะทำการรักษาตามอาการ เช่น การให้ทานยาแก้ปวด ยาทาแก้ผื่นคันต่างๆ โดยเฉพาะการให้ผู้ป่วยทานยาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูง หรือการฉีดยาต้านไวรัสเข้าหลอดเลือดดำ ซึ่งจะใช้สำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำเท่านั้น
ยาทาบริเวณผิวหนังที่เกิดโรคงูสวัด จะช่วยให้แผลงูสวัดหายเร็วขึ้น และลดการลุกลามของเชื้อไม่ให้กระจายตัวมากขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นยาทาที่เป็นสารเคมี หากสามารถเลือกที่เป็นสมุนไพรได้จะช่วยลดการใช้สารเคมีกับผิวหนังได้
ยารักษาโรคงูสวัด
ยาทาภายนอกเป็นตัวเลือกแรก ๆ ในการรักษา เพราะผู้ป่วยมักจะมั่นใจมากกว่ายาทาน โดยยาทางูสวัดที่สำคัญมีดังนี้
- คาลาไมน์โลชั่น (Calamine lotion) บรรเทาอาการคันผิวหนัง
- ขี้ผึ้งสมุนไพร No.41 (No.41 Ointment) รักษาอาการอักเสบ คัน ลดการกระจายตัวของเชื้อ ผิวหนัง
- ครีมแคปไซซิน (Capsaicin Cream) บรรเทาอาการปวดเมื่อย
- ยาชา เช่น ลิโดเคน (Lidocaine) มีทั้งรูปแบบเจล และครีม
นอกจากนี้ ในผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันร่างกายไม่แข็งแรง ต้องใช้ยาทานควบคู่ไปกับยาทางูสวัดด้วย ซึ่งมีดังนี้
- ยาต้านไวรัสอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) วาลาไซโคลเวียร์ (Valacyclovir) และแฟมไซโคลเวียร์ (Famciclovir) ลดอาการปวดในระยะเฉียบพลัน
- ยาต้านไวรัสรูปแบบฉีดเข้าเส้นเลือดดำ สำหรับผู้ป่วยรายที่รุนแรงแบบแพร่กระจาย เพื่อผลการรักษาที่ดีกว่าและลดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
- ยาน้ำสมุนไพรเลวี ช่วยขับน้ำเหลืองเสีย ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย ทำให้หายจากงูสวัดเร็วขึ้น
สำหรับสตรีมีครรภ์ หากเกิดผื่นงูสวัด แพทย์จะพิจารณาการใช้ยาในกรณีที่จำเป็น เพราะโรคจะไม่ส่งผลอันตรายต่อทารกในครรภ์ ส่วนงูสวัดในเด็กบางกรณีอาจไม่ต้องทำการรักษา เพราะมีแนวโน้มที่จะมีอาการไม่รุนแรง และมีความเสี่ยงน้อยที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน
ดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อเป็นโรคงูสวัด
การปฏิบัติตนของผู้ป่วยงูสวัด เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่จะทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
สิ่งที่ควรทำเมื่อเป็นงูสวัด
1. ทานยาทั้งยาแก้ปวด ยาต้านไวรัส และใช้ยาทาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด 2. ประคบแผลด้วยน้ำเกลือ (0.9% Normal Saline) หรือกรดบอริค 3% ครั้งละประมาณ 10 นาที 3 – 4 ครั้ง/วัน จะช่วยทำให้แผลแห้งเร็วขึ้น และถ้าตุ่มน้ำแตกให้ทำความสะอาดแผลเหมือนแผลทั่วไป เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย 3. ไม่ควรทานอาการบางอย่าง เพราะจะทำให้อาการงูสวัดกำเริบ เช่น กาแฟ ชา ช็อกโกแลต ขนมหวาน 4. ดูแลเรื่องความสะอาดโดยเฉพาะบริเวณที่เป็นแผลงูสวัด 5. ระมัดระวังไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้หญิงตั้งครรภ์
สิ่งที่ควรทำเมื่อเป็นงูสวัด
1. ไม่แกะเกาผื่นหรือตุ่มน้ำใส และควรตัดเล็บให้สั้น 2. ไม่ปิดแผลด้วยพลาสเตอร์ หรือทายาที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะ เพราะจะทำให้หายช้าลง 3. ไม่ควรใช้ยาสมุนไพรพื้นบ้านตามความเชื่อ เนื่องจากอาจทำให้แผลลุกลามและเกิดการติดเชื้อมากยิ่งขึ้น
"สั่งซื้อทางโทรศัพท์ รับของแถมเพิ่มพิเศษ"
ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปแล้วแต่บุคคล
ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปแล้วแต่บุคคล
ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปแล้วแต่บุคคล
ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปแล้วแต่บุคคล
ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปแล้วแต่บุคคล
ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปแล้วแต่บุคคล
ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปแล้วแต่บุคคล
ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปแล้วแต่บุคคล
ขี้ผึ้งสมุนไพร No.41 ขึ้นทะเบียนยาจาก อย.เลขที่ G760/54
ขี้ผึ้งสมุนไพร No.41 ผลิตกับโรงงานที่ได้รับมาตรฐาน GMP
ยาน้ำสมุนไพร สูตรแก้น้ำเหลืองเสีย เสริมภูมิต้านทานจากภายใน แก้ภูมิแพ้ผิวหนัง
สมุนไพรเนเจอร์พี สูตรแก้น้ำเหลืองเสีย (แบบแคปซูล) เสริมภูมิต้านทานจากภายใน แก้ภูมิแพ้ผิวหนัง
สบู่สมุนไพร ชุมเห็ดเทศ ช่วยรักษาแผลบนผิวหนัง ยับยั้งการกระจายของเชื้อ และสมานแผล